คืออะไร?
เพชรแท้จากแล็บ หรือ เพชรเลี้ยง Lab-Grown Diamond
คือการนำ เพชรแท้เป็นตัวตั้งต้น เข้าเครื่องปฏิกรณ์ที่จำลองการเกิดเสมือนเช่นเดียวกับการเกิดเพชรแท้ตามธรรมชาติใต้พิภพ โดยใช้ความร้อนเทียบเท่าความร้อนของดวงอาทิตย์ ทำให้ได้ "เพชรแท้" ที่มีคุณสมบัติ เช่นเดียวกับเพชรแท้ธรรมชาติทุกประการ ต่างเพียงแหล่งกำเนิดเท่านั้น เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากครอบครองเครื่องประดับเพชร
ในราคาย่อมเยาว์กว่า, รักษ์โลกกว่า และ ไม่ใช้แรงงานทาส
เพชรแท้จากแล็บ ณ ปัจจุบันแบ่งได้เป็น 2 กระบวนการ
คือ CVD (Chemical Vapor Deposition) และ HPHT (Hight Pressure High Temperature)
CVD = เกิดจากการนำ Diamond Seed เข้าสู่เตาปฏิกรณ์ Low Pressure Hight Temperature โดยนำเข้าก๊าซเพื่อให้
ตกผลึกลงยัง Seed ก่อให้เกิดเพชร เพชร CVD จะได้เพชรที่สีอมน้ำตาลแทบทั้งหมด จึงต้องทำการ Treat หรือ ปรับปรุง
คุณภาพสี ให้สีขาวขึ้น
HPHT = เกิดจากการนำ Graphite เข้าเครื่องอัดแรงดันสูง กระบวนการนี้จำลองคล้ายการเกิดแบบธรรมชาติมากที่สุด
เนื่องจากไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้เพชรส่วนมากจะเป็นสีเหลือง พบสีขาวได้น้อยมากจากกระบวนการนี้ และไม่มีการ
ปรับปรุงคุณภาพใดๆ HPHT จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเนื่องจากไม่มีการย้อม หรือ ปรับปรุงคุณภาพ ต่างกับ CVD ที่ต้อง
ปรับปรุงสี
เป็นที่แน่นอนว่า เพชรแท้ธรรมชาติ ย่อมยังคงคุณค่าในตัวเองได้เสมอ หากแต่ปัจจุบันเหมืองเพชรธรรมชาติเริ่มทะยอยปิดตัวลง
อย่างล่าสุดเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา เหมืองเพชร Argyle เหมืองเพชรที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ออสเตรเลียได้ปิดตัวลง
และ ราคาเพชรที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนในอนาคตจะเป็นของสะสมที่มีมูลค่าอย่างมาก
สำหรับเพชรเลี้ยง หรือ Lab Grown Diamond ปัจจุบันเข้ามากินส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ และจะเพิ่มขึ้นจนอาจจะเข้ามาทดแทน
สัดส่วนตลาดของเพชรธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญ หากมองจากสถาณะการณ์ปัจจุบัน ที่ทั่วโลกให้การยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ
ยกตัวอย่าง LVMH หรือ กลุ่มแบรนด์หรูที่สุดของโลกอย่าง GUCCI, Tag Huer, Louis Vuitton, Dior เป็นต้น ก็ได้ออกผลิตภัณฑ์
ที่มีเพชรเลี้ยง Lab Grown Diamond ประดับออกมาวางจำหน่ายแล้ว นอกจากนี้ แม้แต่ DeBeers เจ้าของตลาดเพชรโลก
ผู้กำหนดราคาเพชรทั่วโลก ก็ลงทุนผลิตเพชรเลี้ยงออกมาจำหน่ายแล้ว ยังมีเซเลบระดับโลกอีกมากมาย ที่มาใช้เพชรแท้จากแล็บ
ไม่แน่ว่าอนาคต เราจะได้เห็นเพชรแท้จากแล็บ Lab Grown Diamond เข้ามาทดแทนเพชรธรรมชาติ ดั่งเช่นตลาดมุก ก็เป็นได้
ปัจจุบัน ราคาของเพชรเลี้ยง หรือ Lab Grown Diamond ค่อนข้างเสถียรมากแล้วเมื่อเทียบกับอดีตที่ยังมีราคาแพงอยู่ที่ 70%
ของราคาเพชรแท้ธรรมชาติ เพชรแท้จากแล็บ จึงหาราคาของตัวเองเรื่อยมา จนถึงปัจจุบันราคาเพชรแท้จากแล็บ
จะอยู่ที่ราคาประมาณ 10% - 30% ของราคาเพชรธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งอนาคตราคาน่าจะไม่ลงไปมากกว่านี้มากนัก
เนื่องจากสินค้าทุกอย่างย่อมมีต้นทุนการผลิต เราจึงไม่เห็นรองเท้าที่ปีที่แล้วราคา 500 บาท ลงมาเหลือ 1 บาท
ถึงแม้เพชรแท้จากแล็บจะไม่มีจำกัดในการผลิต แต่ ณ ปัจจุบัน จำนวนที่ผลิตได้ เมื่อเทียบกับเพชรแท้ธรรมชาติ ปริมาณยังคงห่าง
โดยเพชรแท้ธรรมชาติ เราสามารถผลิตได้ ปีละกว่า 130 ล้าน กะรัต เทียบกับ เพชรแท้จากแล็บที่ผลิตได้เพียงปีละ 7 ล้าน กะรัต
เราจึงเห็นราคาเพชรธรรมชาติปรับตัวลดลงได้เช่นกัน โดยเมื่อกลางปี 2023 ที่ผ่านมา ภายในสัปดาห์เดียว เพชรแท้ธรรมชาติ
ราคาลดลงถึง 40%
นอกจากนี้ หากเทียบความคุ้มค่า เพชรแท้ธรรมชาติ GIA 1 กะรัต น้ำ 100 สวยๆ ราคา 500,000 บาท แต่หากว่าเราซื้อ
เพชรแท้จากแล็บ GIA 1 กะรัต น้ำ 100 สวยๆ ราคา 70,000 บาท เราจะเหลือเงิน 430,000 บาท เอาไปทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย
GIA, HRD คือสถาบันที่ทั่วโลกให้การยอมรับ เปรียบเสมือนองค์การนาซ่าของอัญมณี เซอร์ฯ อื่นๆ ไม่สามารถนำมาอ้างอิงราคาในการ
ขายได้เพราะทั่วโลกยังไม่ยอมรับในมาตรฐาน และลูกค้าจะเสียเงินโดยที่เพชรไม่ตรงตามความเป็นจริง
เช่น เซอร์อื่น D color VS1 3Ex เค้าจะใช้ราคาคุณภาพนี้ในการจำหน่าย ทั้งที่จริงๆ แล้ว เพชรเม็ดนี้ อาจจะแค่
G color SI1 VG เมื่อเซอร์ฯ กับ GIA เปรียบเสมือนคุณซื้อ TV 50 นิ้ว 4K แต่ปรากฏว่าถึงบ้านกลับได้ TV 32 นิ้ว HD ธรรมดาแทน
การซื้อเพชรใบเซอร์จึงมีความสำคัญมาก เพชรเซอร์ฯ GIA หรือ HRD จะช่วยให้คุณ ไม่ต้องเสียเงินได้เพชรที่ไม่ตรงกับคุณภาพที่แท้จริง